อุปทาน (Supply)
อุปทาน(supply)หมายถึง “จำนวนสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งที่ธุรกิจจะนำออกขายในตลาดแห่งหนึ่ง
ณ ระดับราคาต่าง ๆ กัน ในระยะเวลาที่กำหนดให้”
- ปัจจัยที่เป็นตัวกำหนดอุปทานและฟังก์ชันอุปทาน (supply determinants and supply function)
1 ปัจจัยกำหนดอุปทาน(supply determinants)
1)ระดับราคาสินค้าในตลาด (price : Px)
2)
จุดมุ่งหมายของธุรกิจ (objective
: O)
3)
สภาพเทคโนโลยี (technology
: t)
4) ต้นทุนการผลิต (cost : C)
5)การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการอื่นๆ(changing in the price of other related goods : Py)
6)
ดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาล (season
: S)
ฟังก์ชันอุปทานข้างต้นแปลความหมายได้ว่าจำนวนขายสินค้าขึ้นอยู่กับราคาของสินค้าชนิด X(Px)
จุดมุ่งหมายของธุรกิจ (O)
สภาพเทคโนโลยี (T) ต้นทุนการผลิต (C) การเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการอื่น
ๆ (Py) และดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาล (S)
ในการศึกษาอุปทานก็จะเป็นทำนองเดียวกับอุปสงค์นั่นคือจะให้ความสำคัญเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างจำนวนขายกับราคาเท่านั้นโดยกำหนดให้ปัจจัยอื่นๆ อยู่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสามารถเขียนเป็นฟังก์ชันได้ใหม่
ดังนี้
หมายความว่า จำนวนขายสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งขึ้นอยู่กับราคาสินค้าและบริการชนิดนั้น (Px) โดยที่ปัจจัยอื่นๆอยู่คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
- กฎของอุปทาน (Low of supply)
“ถ้าสิ่งอื่นๆอยู่คงที่จำนวนขายสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางเดียวกันกับราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้นเสมอ”
- ตารางอุปทานและเส้นอุปทาน (supply schedule and supply curve)
ตารางอุปทานมีอยู่ 2 ประเภท คือ
1. ตารางอุปทานของหน่วยธุรกิจหรือผู้ผลิตแต่ละราย(individual supply schedule)
เป็นตารางที่แสดงให้ทราบถึงจำนวนขายสินค้าและบริการของผู้ขายคนใดคนหนึ่ง ณ ระดับราคาต่างๆกันในระยะเวลาที่กำหนดให้
2
ตารางอุปทานรวมหรือตารางอุปทานของตลาด(total
supply schedule or market supply schedule)
เป็นชุดของตัวเลข ที่แสดงให้ทราบถึงจำนวนขายสินค้าและบริการของตลาด ณ
ระดับราคาต่าง ๆ กัน ใน
ระยะเวลาใดเวลาหนึ่ง ซึ่งการหาจำนวนขายของตลาดทำได้โดยรวมจำนวนขาย
ผู้ขายทั้งหมดในตลาด ณ ระดับ
ราคาต่าง ๆ กัน ภายในระยะเวลาที่กำหนดให้
- ความแตกต่างระหว่างการเปลี่ยนแปลง จำนวนขายและการเปลี่ยนแปลงอุปทาน
การเปลี่ยนแปลงจำนวนขาย
(change in
the quantity supplied) หมายถึง
การที่จำนวนขายสินค้าและบริการชนิดใดชนิดหนึ่งเปลี่ยนไปเนื่องจากราคาสินค้าชนิดนั้นๆเปลี่ยนแปลงโดยที่ปัจจัยกำหนดอุปทานอื่น ๆ ทั้ง 5 ตัว อยู่คงที่
ในกรณีเช่นนี้ เส้นอุปทานจะไม่
เปลี่ยนแปลงแต่เป็นเพียงการเคลื่อนย้ายไปตาม เส้นอุปทาน (move along curve)
การเปลี่ยนแปลงอุปทาน (change in supply) หมายถึง การที่ปัจจัยกำหนดอุปทานอื่นๆเช่นจุดมุ่งหมายของธุรกิจสภาพเทคโนโลยีต้นทุนการผลิตการเปลี่ยนแปลงในระดับราคาของสินค้าและบริการอื่น และดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาลตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัวในจำนวนนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปและมีผลทำให้จำนวนขายเพิ่มขึ้นหรือลดลงทั้งๆที่ระดับราคาสินค้ายังคงเดิมในกรณีเช่นนี้จะทำให้มีการเคลื่อนย้ายของเส้นอุปทานทั้งเส้น (shift in supply curve) ซึ่งแตกต่างจากการเปลี่ยนแปลงจำนวนขาย
การเปลี่ยนแปลงอุปทานสำหรับรองเท้า
กรณีที่มีการใช้เทคโนโลยีแบบต่าง ๆ
ดังนั้น เราสรุปได้ว่า การเคลื่อนย้าย อุปทานไปทางขวามือ
อาจเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายการผลิตเช่นต้องการยอดขายมาก มีการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นกว่าเดิม
ต้นทุนการผลิตลดลง การลดลงของราคาสินค้าและบริการชนิดอื่น ๆ
และสภาพดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาลอำนวยกรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีรวมกัน ในทางตรงกันข้าม เส้นอุปทานจะเปลี่ยนแปลงไปทางซ้ายมือเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงจุดมุ่งหมายการผลิตเช่นต้องการขายจำนวนน้อยลงมีการใช้เทคโนโลยีน้อยลงหรือล้าสมัยกว่าเดิม ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น
การเพิ่มขึ้นของราคาของสินค้าและบริการอื่นและสภาพดินฟ้าอากาศหรือฤดูกาลไม่เอื้อ
อำนวย
กรณีใดกรณีหนึ่งหรือหลายกรณีรวมกัน
- การกำหนดดุลยภาพของตลาดโดยอุปสงค์และอุปทาน
ร่วมกันกำหนดภาวะดุลยภาพ (equilibrium)
อุปสงค์ตลาดและอุปทานตลาดของสมุด
- การเปลี่ยนแปลงภาวะดุลยภาพ
โดยปกติภาวะดุลยภาพของตลาดจะดำรงอยู่ได้นานไม่เปลี่ยนแปลงจากเดิมตราบเท่าที่อุปสงค์และอุปทานยังไม่เปลี่ยนแปลงแต่ถ้าปัจจัยกำหนดอุปสงค์และอุปทานตัวใดตัวหนึ่งหรือหลายตัว(ยกเว้นราคาของสินค้าและบริการชนิดนั้น)เปลี่ยนแปลงไปซึ่งมีผลทำให้เส้นอุปสงค์หรือเส้นอุปทานเปลี่ยนแปลงไปแล้วย่อมทำให้ภาวะดุลภาพเปลี่ยนแปลงไปด้วย










ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น